วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

5 สาเหตุคาดไม่ถึง ทำไมถึงอยากอาหารมากเกินปกติ

5 สาเหตุคาดไม่ถึง ทำไมถึงอยากอาหารมากเกินปกติ

เคยรู้สึกไหมว่าทำไมกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม ทำไมยังรู้สึกหิวโหยไม่รู้จบ แล้วเมื่อไหร่จะหุ่นดีกับเค้าสักที?

บอกได้เลยว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพราะมีเพื่อนร่วมโลกอีกหลายล้านคนที่มีอาการแบบคุณนี่แหละ
ไม่ว่าจะอาการขาดกาแฟไม่ได้ หรือบางเวลาที่อยากกินขนมสุดๆที่ไม่ว่าจะห้ามใจอย่างไรก็ไม่ไหว ต้องหามากินให้ได้ ณ ตอนนั้น
ประหนึ่งว่าถ้าไม่ได้กินเหมือนจะขาดอากาศหายใจ
ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่ความหิวเท่านั้น เพราะเมื่อเราหิว เรามักจะหาอะไรทานเข้าไปให้พออิ่มท้องได้ ร่างกายมักจะตอบสนองว่าได้รับอาหารแล้ว อิ่มแล้ว เพียงพอที่ระบบต่างๆจะทำงานได้อย่างไม่สะดุด
แต่ความอยากหรือความโหยนั้นจะมีอาการที่เกินความควบคุม เหมือนกับว่าร่างกายของเราต้องการอาหารมากเป็นพิเศษโดยไม่สนว่าเรากินไปเยอะแค่ไหนแล้ว
ซึ่งอาจมาจากสาเหตุที่พบได้ทั่วไป เช่น เว้นจากการทานอาหารเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง น้ำตาลในเลือดต่ำ นอนน้อย หรือเกี่ยวกับความไม่สมดุลของฮอร์โมนบางชนิด (พบได้มากในเพศหญิง)
แต่ความหิวโหยหรือความต้องการอาหารมากผิดปกตินั้นยังมีสาเหตุที่อาจทำให้คุณประหลาดใจได้อีก อย่าง 5 สาเหตุข้างล่าง ดังนี้
ทำไมถึงอยากอาหารมากเกินปกติ
photo credit: Hugo Martins Oliveira

1. สลัดผักมื้อเที่ยงที่แสนเฮลตี้

คุณอาจสงสัยกินสลัดมันจะเกี่ยวอะไรกับความอยากอาหาร มันก็คงไม่เกี่ยวถ้าคุณทานสลัดกับข้าวหรือสเต็กด้วยน่ะสิ แต่สาวๆที่รักสุขภาพทั้งหลายเลือกที่จะทานสลัดแบบเบาๆเพื่อแคลอรี่ที่น้อยและไม่อ้วน
แต่หารู้ไม่ว่าสลัดเพียงจานเดียวมันทำให้อิ่มแค่ชั่วคราวเท่านั้น อย่างมากก็ไม่เกิน 4 ชั่วโมง
ดังนั้น ถ้ามื้อเที่ยงของคุณคือสลัดผักสุดเฮลตี้เพียง 1 จาน ไม่เกิน 4 โมงเย็นคุณจะเริ่มรู้สึกต้องการขนมจุบจิบ เริ่มฝันหวานถึงคุ้กกี้ เค้กนุ่มๆ ชาไข่มุกสักแก้ว คาปูชิโน่ หรือไม่ก็คิดไปถึงสปาเก็ตตี้ พิซซ่า กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็โหยจนทนไม่ไหวแล้ว
เมื่อเรามีความต้องการอาหารมากเป็นพิเศษ เรามักจะไม่อยากกินหรอกพวกอาหารคลีนหรืออาหารที่ดีต่อสุขภาพ เรามักจะอยากกินแต่ของที่อ้วนๆ ไม่ว่าจะอาหารรสจัด ขนมหวาน ของทอดน้ำมันเยิ้ม หรืออะไรก็ตามที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ
และนี่ถึงเป็นสาเหตุว่าทำไมการไดเอทไม่ได้ผลสักที ก็เพราะอาหารที่กินน่ะเฮลตี้จริงแต่มันไม่เพียงพอที่จะทำให้อิ่มอย่างเพียงพอ ร่างกายก็เลยต้องส่งสัญญาณแห่งความหิวให้เรารู้ว่าร่างกายต้องการสารอาหารมากกว่านี้นะ
สำหรับคนที่ทำแบบนี้อยู่ ให้เปลี่ยนเป็นทานอาหารมื้อปกติดีกว่า ใครบอกว่าการไดเอทที่ดีคือทานอาหารแคลอรี่น้อยเข้าไว้ ถ้าอยากไดเอทให้ได้คุณภาพ อิ่มอร่อยและไม่อ้วนด้วย ให้ทานมื้อเที่ยงในปริมาณที่พอเหมาะ มีคาร์บ โปรตีนและผักสดมากเท่าที่คุณต้องการก็ได้ เพียงเท่านี้อาการหิวโหยอยากอาหารก็จะน้อยลง แถมคุณยังมีพลังงานเพียงพอไปตลอดวันอีกด้วย

2. อารมณ์ของเจ้านาย

บรรยากาศการทำงานมีผลอย่างมากต่อความหิวโหย เนื่องจากความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สาวๆหลายคนกินอย่างกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์
กินเบื่อระบายความเครียดจากการทำงาน โดยเฉพาะสถานการณ์ตึงเครียด เช่น ไม่สบอารมณ์กับเจ้านาย ต้องเร่งทำงานให้ทันเดดไลน์ หรือสภาวะต่างๆในที่ทำงานที่ยกระดับฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตที่มีหน้าที่ควบคุมเมตาบอลิซึ่ม ซึ่งทำให้เรารู้สึกหิว ต้องการของหวานและน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
วิธีแก้คือ ถ้าเกิดบรรยากาศที่ทำงานเริ่มไม่ค่อยดี คุณเริ่มรู้สึกกังวลและตึงเครียด ให้ขอเวลาพักสัก 5 นาทีและเดินไปเข้าห้องน้ำหรือไปสูดอากาศให้เต็มปอดเพื่อคลายความวิตกกังวลแทนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรกินแก้เครียด
พยายามอยู่ให้ห่างไกลความเครียดเอาไว้ ถ้าทำไม่ได้จริงๆก็ฝึกสติ และหัดมองโลกในแง่ดีแทน ก็จะพอช่วยให้เราห่างไกลจากของกินอ้วนๆและความหิวโหยที่จะทำร้ายเราภายหลังได้

3. ชีวิตเฉื่อยไปหรือเปล่า

เมื่อคนเรามีชีวิตที่สนุก น่าสนใจและเต็มไปด้วยรื่นรมย์ เรามักจะรับประทานอาหารน้อยลงหรือไม่ค่อยอยากกินขนมจุบจิบมากนัก แต่ในทางตรงกันข้าม
ถ้าชีวิตขาดสีสัน ไม่มีอะไรน่าสนใจ เรื่อยๆเฉื่อยๆไปวันๆ มีแนวโน้มสูงมากที่คนเราจะวิ่งเข้าหาของกินเพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณที่กำลังโหยหาบางสิ่งบางอย่าง หรือเรียกง่ายๆว่า กินเพื่อจะรู้สึกดี กินเพื่อมีความสุข
นอกจากนี้ ความรื่นรมย์ในชีวิตยังหมายถึงเรื่องความรักกุ๊กกิ๊กด้วย เมื่อคนเรามีความรักที่ดี อารมณ์ก็ย่อมสดใส รวมไปถึงเมื่อเรื่องบนเตียงมีชีวิตชีวา สดใสซาบซ่าจนไม่ต้องการน้ำแดงโซดาหรือของหวานใดๆ มนุษย์เราก็ย่อมที่จะไม่ต้องการขนมหวาน แป้ง น้ำตาล อาหารที่ไม่จำเป็นมาเติมเต็มส่วนที่ขาด
ดังนั้น ถ้าตอนนี้ใครรู้ตัวว่าชีวิตกำลังเรื่อยๆเฉื่อยๆ คิดอะไรไม่ออกนอกจากกินแล้วละก็ รีบเปลี่ยนพฤติกรรมด่วน เริ่มรู้จักหากิจกรรมอื่นทำบ้าง เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีฬากับเพื่อน เดินเล่นกับน้องหมา พาพ่อแม่ไปทานข้าว หรือแม้แต่เรียนรู้ที่จะเติมความหวานให้คู่รักอีกครั้ง
เชื่อสิว่าถ้าเรามีชีวิตที่ดี มีความสุข เราก็จะรับประทานแค่พออิ่มและเพียงพอต่อความต้องการของเรา แทนที่จะสวาปามเข้าไปเหมือนเดิม

4. กลัวไขมัน

ในโลกนี้มีแต่คนกลัวความอ้วนเต็มไปหมด ดังนั้นสินค้าใดที่เคลมว่ากินแล้วดี กินแล้วไม่อ้วน ของ low fat ทั้งหลาย มักจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นมุมมองของคนในสังคมว่ากลัวความอ้วนขนาดไหน
แต่ทำไมหลายคนที่เกลียดความอ้วนถึงยังอ้วนอยู่ ทั้งๆที่ตั้งใจหลีกเลี่ยงอาหารที่กินแล้วอ้วน บางคนถึงกับพูดแบบติดตลกว่า ยังไม่ทันกินเลย แค่ดมก็อ้วนแล้ว ไขมันก็ไม่กิน เนื้อสัตว์ก็แทบไม่แตะ วันๆแทบไม่กินอะไรเลย กินแต่ทุกอย่างที่เขียนว่าโลว์แฟต อดทนหิวมาตลอดแต่ทำไมไม่ผอมสักทีเนี่ย
จะบอกให้ว่า แค่กลัวอ้วนและกินน้อยไม่ได้หมายความว่าร่างกายเราจะโอเคนะ ร่างกายของเราฉลาดมากในการปรับตัวก็จริง แต่ถ้าเราทำอะไรที่ตึงเกินไป มันก็จะส่งสัญญาณมาเตือนได้เช่นกัน เช่น คนที่ไม่ทานของที่ปรุงด้วยน้ำมันเลย ร่างกายก็จะโหยหาไขมันที่ดีต่อร่างกาย และเริ่มสงสัญญาณเตือนเราให้รับประทานอาหารที่มีไขมันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าเธอไม่กินตอนนี้ ระบบร่างกายอาจจะรวนแล้วนะ
แต่เพราะว่าร่างกายพูดภาษาคนไม่ได้ เราก็เลยแปลความรู้สึกนั้นผิดๆเป็นความอยากกินไอศกรีม เฟรนฟราย ขนมปังชีสเยิ้มๆ แทนที่จะเป็นไขมันที่แสนมีประโยชน์จากอาหารจำพวกถั่วอัลมอนด์ อโวคาโด้ หรือน้ำมันมะพร้าวแทน
วิธีแก้คือ อย่ากลัวไขมัน อย่าคิดว่าไขมันคือความอ้วน ถึงแม้ว่าร่างกายเราจะมีไขมันส่วนเกิน แต่การกินอาหารที่มีไขมันเข้าไปไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายเรามีไขมันส่วนเกินที่เรารังเกียจหรอก แต่เป็นเพราะขนม ของหวาน พวกแป้งและน้ำตาลที่เราสวาปามเข้าไปยามที่เราอยากกินนี่แหละที่แปลงสภาพเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกายของเรา ถ้าใครรู้ตัวว่ากำลังทำอยู่ เปลี่ยนนิสัยด่วน

5. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

สภาวะร่างกายขาดน้ำคือสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดภาวะอยากอาหารเป็นพิเศษ ร่างกายคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 70% เราจึงต้องการน้ำดื่มสะอาดไปหล่อเลี้ยงระบบต่างๆในร่างกายเราให้ทำงานอย่างเป็นปกติ บางคนอาจเถียงว่าฉันก็ดื่มน้ำแล้วไง แต่ทำไมหิวอยู่อีก ต้องถามว่าน้ำที่ดื่ม ดื่มอย่างถูกวิธีหรือเปล่า และแน่ใจนะว่าเป็นน้ำเปล่า
บางคนตีความว่า ถ้าดื่มน้ำอัดลมวันละ 8 แก้วก็เหมือนๆกับน้ำเปล่า แถมยังอร่อยกว่า หารู้ไม่ว่านั้นน่ะตัวอ้วนเลยนะ น้ำตาลทั้งนั้น!!!
ถ้าใครดื่มน้ำน้อยและหิวบ่อย ให้พกน้ำดื่มเอาไว้ใกล้ตัว ใช้จิบตลอดวันก็ดีเช่นกัน หรือจะแบ่งดื่มทีละแก้ว ทุกๆ 1-2 ชั่วโมงก็ได้ บางคนอาจไม่ชอบที่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย จึงไม่ชอบดื่มน้ำ ให้ลองเปลี่ยนมาจิบน้ำทีละ 1-2 อึกทุกๆ 15-30 นาทีก็ได้ ร่างกายจะได้ค่อยๆนำน้ำไปใช้ เรื่องความหิวก็น่าจะค่อยๆลดไปเอง
ทั้งหมด 5 ข้อข้างต้นคือสิ่งที่คนทั่วไปมักลืมไปและไม่คิดว่าคือสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะอยากอาหาร
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองกินมากเกินความจำเป็น ควบคุมไม่ได้และรู้สึกว่าอยากเลิกนิสัยนี้ ให้ลองนำวิธีการแก้ไขมาลองปรับใช้กับตัวเอง ถ้าปฏิบัติอย่างถูกต้อง รับรองว่าความหิวที่มากเกินปกติจะลดน้อยลงอย่างแน่นอนค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น